ภาวะตลาดหุ้นไทย
22 – 26 กุมภาพันธ์ 2559
ตลาดหุ้นไทยหลังเปิดทำการปีใหม่มีทิศทางการเคลื่อนไหวอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากปี 2558 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน การคาดการณ์ว่า Fed จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และความกังวลเกี่ยวกับการภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับภาวะการลงทุนในตลาดต่างประเทศก็ดูไม่ค่อยสดใสนัก ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะถือเงินสดมากขึ้น SET Index จึงมีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์แรกของปี
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นในครึ่งหลังของเดือนมกราคม เมื่อนักลงทุนคาดการณ์ว่าการที่เศรษฐกิจโลกมีการเติบโตในระดับต่ำ และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจีนจะเกิดภาวะ Hard Landing ทำให้ โอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีน้อยลง รวมทั้งธนาคารกลางของยุโรปและญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อพยุงให้เศรษฐกิจยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ นักลงทุนจึงทยอยกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น และทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น +1% ณ สิ้นเดือนมกราคมได้ในที่สุด
ณ สิ้นเดือนมกราคม SET Index ปิดที่ 1300.98 จุด ปรับตัวขึ้นจากสิ้นเดือนธันวาคม 1.00%
ในเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เมื่อ Fed แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกระทำด้วยความระวัดระวัง และราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เมื่อมีข่าวว่ารัสเซียกับประเทศในกลุ่ม OPEC จะมีการเจรจาจำกัดกำลังการผลิต นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับผลดีจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ เพื่อสนับสนุนให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง อันจะทำให้การส่งออกปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งจีนมีการอัดฉีดสภาพคล่องก้อนใหญ่เข้าสู่ระบบในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง แม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับ Deutsche Bank จะมีปัญหาในการชำระหนี้ก็ตาม SET Index มีการปรับตัวขึ้นในทิศทางเดี่ยวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดย SET Index ได้รับแรงหนุนจากการกลับเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่มี Market Cap ขนาดใหญ่ และทำให้ SET Index ในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวขึ้นไปปิดที่ 1332.37 จุด หรือปรับตัวขึ้นจากสิ้นเดือนมกราคม 2.41 %
แม้ว่าในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะต่อไปยังโอกาสเกิดความผันผวนได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางและเติบโตในระดับต่ำ โดยเฉพาะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แนวโน้มราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับต่ำ เนื่องจากปริมาณการผลิตยังสูงกว่าปริมาณความต้องการมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ส่งออกน้ำมันเป็นสินค้าหลัก และปัญหาหนี้เสียของสถาบันการเงินจากการกู้ยืมของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและเหมืองแร่ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยก็มีความเสี่ยงที่จะเติบโตในระดับต่ำ ทั้งจากปัญหาการส่งออกที่ลดลง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาภัยแล้ง ในขณะที่การเบิกจ่ายโครงการลงทุนสาธารณูปโภคของภายรัฐยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มไม่ดีนัก แต่จากการที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะบางประเทศเริ่มมีการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ ทำให้ยังมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น มากขึ้น จึงยังทำให้ตลาดหุ้นยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีและสูงกว่าผลตอบแทนการลงทุนในสินทรัพย์อื่นได้ในระยะยาว